"เขาเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีคุณค่า ในตัวเอง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมาจากสถานะใด ขอเพียงแต่มีความมั่นใจในตัวตนของ เขาเอง คุณค่าของมนุษย์ทุกคนนั้นล้วนมาจากหัวใจ หัวใจที่มุ่งมั่นในการที่จะกระทำความดี ความดีในการที่จะรักษาคุณค่าของตัวเอง และรู้จักมอบคุณค่านั้นให้กับเพื่อนมนุษย์ทุกคน สิ่งที่ทำได้ คือ สิ่งที่คุณมั่นใจ และได้ลงมือทำ เมื่อคุณมั่นใจ ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้"

สุรพล แจ่มวุฒิปรีชา : เพราะความที่เติบโตมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ อันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจกันของพ่อและแม่ เขาจึงเลือกที่จะอยู่กับแม่ และเติบโตมาในครอบครัวของแม่ ซึ่งแม่มีอาชีพเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า สิ่งแรกที่เขามักเห็นในชีวิตเมื่อวัยเยาว์ ก็คือ การถูกเอาเปรียบจากสังคมรอบข้าง เพราะแม่เป็นผู้หญิง และความรู้ค่อนข้างน้อย นั้นไม่สามารถเป็นหลักประกันอันมั่นคงให้กับเขาได้เท่าที่ควร แม่จึงสอนให้เขายอมกับทุกๆ เรื่องราวเพราะไม่อยากจะให้เกิดปัญหากับผู้คนรอบข้าง ซึ่งเขาก็สงสัยเสมอมา ว่าในบางเรื่องทำไมจึงต้องยอม
เขาเติบโตมาในยุคแห่งสงครามทั้งในเวียตนามและลาว ซึ่งมีกองทัพจากต่างประเทศเข้ามาตั้งฐานทัพที่บ้านเกิด ทำให้เขาได้เห็นผู้หญิงหลายคน ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อแลกกับเงินที่ใช้ในการดำรงชีวิต ในวันนั้นเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงเหล่านั้น ถึงต้องยอมให้สังคมรอบข้างประณามพวกเธอโดยไม่แยแส
โชคดีอยู่บ้างที่เขาเติบโตมาในชนบทที่ใกล้กับตัวเมือง จึงทำให้เขาได้มีโอกาส เรียนรู้ และเข้าใจวิถีชีวิตของทั้งคนในสังคมชนบท และสังคมเมือง
ชนบทซึ่งผู้คนทำอะไรก็ได้เพื่อให้มีชีวิตรอด เมืองซึ่งผู้คนต่างแก่งแย่งเพื่อหา ผลประโยชน์
โชคดีอยู่บ้างที่เขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือ และเรียนรู้ทุกเรื่องราวโดยการสังเกต ความเป็นไปของผู้คนในสังคม หลากหลายเรื่องราวในสมัยที่เขาเป็นเด็กยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาไม่ลืมเลือน
เมื่อเขามีโอกาสเขาจึงใช้ความสามารถของเขาที่มีอยู่ ไม่ว่าจะในเรื่องของกฎหมาย ซึ่งเขาร่ำเรียนมาหรือในเรื่องของจิตวิทยาซึ่งเขาชอบที่จะเรียนรู้ นำมาเยียวยาผู้คนในสังคมที่กำลังต้องเผชิญกับปัญหา โดยเฉพาะ ผู้หญิง และเด็กในบ้านเมืองของเขา ซึ่งมักจะถูกดูถูกหรือกดขี่ด้วยบริบทแห่งสังคมซึ่งฝังรากลึกมายาวนาน เขาสามารถนั่งฟังผู้หญิง และเด็กๆ เหล่านั้น เล่าเรื่องราวแห่งความขมขื่นที่พวกเธอได้รับ ด้วยความใส่ใจไม่ว่าจะใช้เวลาเนิ่นนานเท่าใด และคอยให้คำแนะนำในการที่จะหลุดพ้นออกจากปัญหาเหล่านั้น และกล้าที่ จะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับสังคมด้วยความมั่นใจ
ในที่ที่เขาอาศัยอยู่ อาจจะไม่มีองค์กรใดที่จะเป็นพลังผลักดันให้สิ่งที่เขาหวัง พุ่งทะยานไปข้างหน้าให้ถึงจุดหมายแห่งความฝันได้
แต่เมื่อวันหนึ่ง เขาได้รู้จักกับมุท ทำให้เขามั่นใจว่า เขาจะมีเพื่อนร่วมทางด้วยอุดมการณ์อันมั่นคงที่จะทำให้เขาเดินทางไปถึงเป้าหมายนั้นได้ เขาเชื่อเช่นนั้นจริงๆ และเขามีความเชื่ออีกอย่างที่หลายคนใช้เป็นแรงบันดาลใจโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน รวมทั้งผู้คนมากมายที่อยู่รอบๆ ตัวเขา "เขาเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีคุณค่า ในตัวเอง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมาจากสถานะใด ขอเพียงแต่มีความมั่นใจในตัวตนของ เขาเอง คุณค่าของมนุษย์ทุกคนนั้นล้วนมาจากหัวใจ หัวใจที่มุ่งมั่นในการที่จะกระทำความดี ความดีในการที่จะรักษาคุณค่าของตัวเอง และรู้จักมอบคุณค่านั้นให้กับเพื่อนมนุษย์ทุกคน สิ่งที่ทำได้ คือ สิ่งที่คุณมั่นใจ และได้ลงมือทำ เมื่อคุณมั่นใจ ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้"